[immortal] อ้อมกอดของม่านดิน - Rewrite
อยู่ๆ หัวใจผมก็เต้นแรงให้กับเพื่อนสนิทของพี่ชาย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาเป็นแฟนกับรุ่นพี่ในคณะตัวเอง และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือเราจูบกันอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี? #หมอกคุมดิน
ผู้เข้าชมรวม
1,067
ผู้เข้าชมเดือนนี้
16
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
**คำแนะนำ**
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น เป็นนิยายชายรักชาย (BL)
และไม่มีเจตนาจะลบหลู่ ดูหมิ่น หรือพาดพิงถึงบุคคล สถานที่ อาชีพ หรือสิ่งใดใดทั้งสิ้น
ขอให้ผู้อ่านมีความสุขและร่วมเดินทางไปกับ พื้นดินและม่านหมอก
ขอบคุณที่ผ่านเข้ามาค่ะ
Lita P
อ้อมกอดของม่านดิน [Immortal]
ฉบับปรับปรุงเพื่อทำเล่มกระดาษ
แก้ไขเนื้อหาเพื่ออ่านให้เข้าใจมากขึ้น เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไรต์เขียนขึ้นมา
เปิดเรื่องครั้งแรก 22 ตุลาคม 2562 ณ เด็กดี
เพิ่มเติมส่วนที่คิดว่าขาดตกบกพร่อง
แต่เนื้อเรื่องยังคงเหมือนเดิม
#หมอกคุมดิน
อยู่ๆ หัวใจผมก็เต้นแรงให้กับเพื่อนสนิทของพี่ชาย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเขาเป็นแฟนกับรุ่นพี่ในคณะตัวเอง
และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือเราจูบกันอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ผมควรทำยังไงดี?
*****
ผมรับรู้ได้ว่าเราต่างอ่อนประสบการณ์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่าจังหวะการจูบเงอะงะของเราจะเข้ากันได้ดี
ปากของเรายังไม่ห่าง มีแค่บางจังหวะที่หยุดเพื่อให้สูดลมหายใจ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว แต่เพราะความหวานจากปากน้องจึงทำให้ผมไม่สามารถที่จะตัดใจออกห่างได้เลย
ยอมถอนจูบออกจากริมฝีปากน่าหลงใหลอย่างฝืนใจ เพราะรู้ว่ามันเริ่มทำให้ใกล้จะเกินเลยไปมากกว่านี้ คนตัวเล็กหอบหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าไม่หลงเหลือสีเดิมอีกแล้ว ดวงตากลมโตหรี่ลงเล็กน้อย ปากอวบอิ่มแดงเจ่อช้ำ ภาพใบหน้าน้องเวลานี้ช่างน่าหลงใหล ทำให้ผมอยากก้มลงไปสัมผัสกันอีกครั้ง แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเอง
"หมอกครับ" เอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าด้วยเสียงอ่อนโยน มือที่ประคองต้นคอเลื่อนมาสัมผัสแก้มอุ่น ผมใช้นิ้วโป้งเกลี่ยปาดน้ำเชื่อมที่เลอะอยู่ตรงมุมปากออกให้ "หมอกโกรธอะ-"
“อย่ามายุ่งกับผมอีก”
ปัง!
น้องวิ่งหนีกันเข้าไปในห้องน้ำหลังจากที่พูดตัดบทคำของผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาปิดประตูเสียงดังพร้อมกับกดล็อกจากข้างในแล้วไม่นานเสียงสะอื้นจากการร้องไห้ก็ดังออกมา
วินาทีนั้นหัวใจของผมปวดหนึบ ใบหน้าชาวาบเหมือนโดนจับไปแช่แข็ง แววตาสุดท้ายที่หมอกมองกันชัดเจนมากว่าเขาผิดหวังและโกรธเคืองกับการกระทำเลวร้ายที่ผมทำลงไป
ผมตั้งสติแล้วก้าวเท้าหนักๆ ไปที่ประตูห้องน้ำพยายามเคาะเรียกให้อีกคนมาเปิดออกมา แต่น้องไม่ตอบกลับมาเลย มีเพียงเสียงร้องไห้ที่ยังเล็ดลอดออกมา
“หมอกครับ หมอกพี่ขอโทษ ออกมาคุยกันดีๆ ได้ไหม พี่ขอร้อง” ผมพูดด้วยความรู้สึกผิด พูดย้ำคำเดินซ้ำไปซ้ำมานานกว่าครึ่งชั่วโมง แต่คนด้านในก็ยังไม่ตอบอะไรกันแม้เพียงสักนิด ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกกลัวมาก
กลัวว่าน้องจะเกลียดกัน
กลัวว่าน้องจะหายไปจากชีวิตผม
ผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
"หมอก คนดี เราคุยกันหน่อยเถอะนะ พี่ขอโทษที่ทำตัวแย่ๆ แบบนั้น ออกมาเถอะนะพี่เป็นห่วง"
“พี่กลับไปก่อนได้ไหม ผมไม่อยากคุยตอนนี้ พี่ต้องไป ฮึ่ก หาพี่ร่มไม่ใช่เหรอ ฮือ ไป ฮึก ไปสักทีเถอะ” น้ำเสียงสั่นพร่าดังออกมาจากอีกฝั่งของประตูปะปนมากับเสียงสะอื้นของความเสียใจ "ขอร้อง ฮึก กลับไปเถอะนะ"
หัวใจผมบีบรัดตัวเองมากขึ้น กับคำขอร้องรับรู้ได้ถึงความปวดร้าวของน้อง “พี่ไปก็ได้ครับ แต่หมอกต้องสัญญาก่อนได้ไหมว่าจะยอมคุยกันเมื่อพร้อม” จึงทำให้ผมเลือกที่จะยอมถอยห่างเพื่อความสบายใจของเขา แล้วค่อยกลับมาเมื่อเราพร้อมเผชิญหน้ากันทั้งสองฝ่าย
".."
แต่คำถามของผมก็ไม่ได้รับคำตอบอย่างที่คิดเอาไว้อยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะพูดต่อ
“แต่ก่อนจะไป พี่มีเรื่องที่ต้องพูดก่อน หมอกจะฟังหรือไม่ฟังก็ไม่เป็นไรนะ" ผมพิงหน้าผากแนบกับบานประตูตรงหน้า ข่มกลั้นความอึดอัดในตาเอาไว้ไม่ให้เป็นอิสระ “หมอกอาจจะสงสัยว่าพี่ทำแบบนั้นกับหมอกทำไม อาจคิดว่ามันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบของพี่ แต่พี่จะบอกว่า ฮึก” ผมหยุดพูดอีกครั้ง เพื่อตั้งสติของตัวเองที่เริ่มหลุด กดกลืนก้อนสะอื้นที่ดันจุกขึ้นมา แหงนมองเพดานห้องเพื่อรั้งหยดน้ำตา "พี่จะบอกว-"
“พี่มาทำแบบนี้กับผมทำไม ฮือ ทำไปทำไม” เสียงแหบแห้งพูดแทรกออกมาก่อนที่น้องจะร้องไห้อีกครั้ง ความรู้สึกของผมมันอัดอั้นไปหมดจนอยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆ สักที ความเสียใจกับความรู้สึกผิดมันทำให้ผมยิ่งอยากร้องไห้ตามน้องไปด้วย
“ที่พี่ทำไปทั้งหมดพี่ตั้งใจนะหมอก พี่ชอบหมอกนะครับ” สุดท้ายน้ำตาที่พยายามกั้นไว้ก็ไหลลงมาอย่างสุดจะห้าม
ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเราอีกครั้ง ผมนั่งหันหลังพิงประตูห้องน้ำที่อีกคนยังคงอยู่ภายใน เฝ้ารอเพราะหวังว่าน้องจะตอบอะไรกลับมาบ้าง แต่ในขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็ยังคงเงียบอยู่สนิท น้ำตาหยุดไหลลงไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงคาบความรู้สึกผิดที่ชัดเจน
ติ๊ดติ๊ด ติ๊ดติ๊ด~
เสียงแจ้งเตือนเวลาของนาฬิกาบนโต๊ะทำงานของหมอกดังขึ้น จึงทำให้รู้ว่าเวลาผ่านเลยไปเป็นชั่วโมงแล้ว ผมพยุงตัวเองขึ้นยืนเมื่อเห็นตัวเลขบอกเวลาบนหน้าปัด “พี่ต้องไปแล้วนะครับ" ผมบอกให้น้องได้รับรู้ ก่อนย้ำความต้องการออกไปอีกครั้ง "พี่จะรอจนกว่าหมอกจะพร้อมคุยนะ”
แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับจากคนด้านในเหมือนเดิม ผมจึงจำใจเดินไปหยิบเสื้อคลุมหนังที่เจ้าของห้องแขวนไว้หน้าตู้เสื้อผ้าให้เมื่อคืน ก่อนจะเดินออกจากห้องมา เพราะผมจำเป็นจะต้องไปรับร่มอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
แต่ถ้าหากผมเลือกได้ก็อยากจะนั่งรออยู่ตรงนั้นจนกว่าน้องจะใจเย็นลงและยอมออกมาคุยกัน
แต่ว่าผมเลือกไม่ได้
****
สามารถพรีออเดอร์เล่มกระดาษได้จนถึง 15 มีนาคม 2565
รายละเอียดดังนี้ค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า
ผลงานอื่นๆ ของ LitaP ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ LitaP
ความคิดเห็น